Blue Eye Samurai (2023) ซามุไรตาฟ้า
อนิเมชันซีรีส์สุดดาร์ก เรื่องราวแก้แค้นของซามุไรลูกครึ่งตาฟ้าในยุคเอโดะ
หลังจากถูกผู้คนรอบข้างรังเกียจ นักรบสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นในสมัยเอโดะจึงมุ่งมั่นหาทางแก้แค้นบุคคลผู้เป็นต้นเหตุและเลือกเส้นทางชีวิตอันนองเลือด ด้วยความฝันในการล้างแค้นผู้ที่ทำให้เธอกลายเป็นคนนอกคอก นักรบสาวจึงตัดสินใจเปิดเส้นทางสายเลือดสู่โชคชะตาของเธอ
เรื่องย่อ
Blue Eye Samurai (ซามุไรตาฟ้า) เป็นอนิเมชันซีรีส์สำหรับผู้ใหญ่แนวแอคชันปี 2023 สร้างและเขียนบทโดยคู่สามีภรรยา Amber Noizumi และ Michael Green สำหรับ Netflix กำกับการแสดงโดย Jane Wu และผลิตแอนิเมชันโดยสตูดิโอฝรั่งเศส Blue Spirit ซีซันแรกมีทั้งหมด 8 ตอน เข้าฉายครั้งแรกเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2023
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ในยุคเอโดะของประเทศญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่โชกุนโทคุงาว่าได้ประกาศปิดประเทศอย่างเข้มงวด ห้ามชาวต่างชาติเข้ามายังญี่ปุ่นโดยเด็ดขาด ใครที่ละเมิดกฎนี้จะถูกประหารชีวิตทันที ประชาชนญี่ปุ่นจะไม่มีวันได้เห็นหน้าตาคนต่างชาติ ยกเว้นกรณีที่มีการค้าขายผิดกฎหมายในบางครั้ง
ตัวเอกของเรื่องคือ มิซุ (Mizu แปลว่า น้ำ) พากย์เสียงโดย Maya Erskine เป็นหญิงสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-ยุโรป ที่มีดวงตาสีฟ้าผิดธรรมชาติ เธอเป็น onna-musha (นักรบหญิง) ที่มีทักษะการใช้ดาบอันเชี่ยวชาญ ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติในฐานะเด็กลูกครึ่งทำให้เธอเติบโตมาด้วยใจที่เย็นชา ขมขื่น และเต็มไปด้วยความแค้น
แม่ของมิซุบังคับให้เธอปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อไม่ให้ถูกค้นพบ และเธอก็เลือกที่จะรักษาการปลอมตัวนี้ไว้จนถึงวัยผู้ใหญ่ เพื่อให้สามารถดำเนินเส้นทางแห่งการแก้แค้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มิซุรู้ดีว่าในช่วงเวลาที่เธอเกิด มีชาวยุโรปเพียง 4 คนเท่านั้นที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อของเธอ ผู้ที่ทำให้เธอกลายเป็น “สิ่งมีชีวิตแห่งความอับอาย” เธอจึงออกเดินทางเพื่อตามล่าและสังหารชายทั้งสี่คนนี้
แต่ในสังคมที่ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้แก้แค้น มิซุจะต้องปกปิดเพศของตัวเองรวมถึงดวงตาสีฟ้าที่เป็นเครื่องหมายบอกพันธุกรรมของเธอ ขณะที่เธอตามล่าเป้าหมายของตัวเอง
ในการเดินทางครั้งนี้ มิซุได้พบกับเพื่อนร่วมทาง หลายคน ได้แก่ รินโกะ (Ringo) พากย์เสียงโดย Masi Oka ช่างทำโซบะผู้มีความกระตือรือร้นและมีความฝันใหญ่ที่อยากจะยิ่งใหญ่ ไทเก็น (Taigen) พากย์เสียงโดย Darren Barnet ซามุไรหยิ่งยโสที่มีความเป็นปฏิปักษ์นำไปสู่การสงบศึกอย่างไม่เต็มใจ และเจ้าหญิงอาเคมิ (Princess Akemi) พากย์เสียงโดย Brenda Song คู่หมั้นของไทเก็น ที่ชีวิตอันหรูหราของเธอดูเหมือนจะตรงข้ามกับของมิซุ
ตัวละครสำคัญอีกตัวคือ เซกิ (Seki) ดาบปราดเก่าแก่ พากย์เสียงโดย George Takei ที่กลายเป็นครูสอนดาบและที่ปรึกษาของมิซุ พร้อมด้วย Abijah Fowler พากย์เสียงโดย Kenneth Branagh ชาวไอริชผู้เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของมิซุ
เรื่องราวไม่ได้เป็นเพียงแค่การเดินทางแก้แค้นธรรมดา แต่ยังสำรวจประเด็นลึกซึ้งเกี่ยวกับอัตลักษณ์ เพศ การเลือกปฏิบัติ และราคาของการแก้แค้น มิซุต้องต่อสู้ไม่เพียงแค่กับศัตรูภายนอก แต่ยังรวมถึงความขัดแย้งภายในใจของตัวเธอเองระหว่างเข็มทิศศีลธรรมกับความกระหายการแก้แค้นที่ต้องการให้เธอละทิ้งศีลธรรมทั้งหมด
ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยสไตล์แอนิเมชันที่ผสมผสานระหว่าง 2D และ 3D เพื่อให้ดู “เหมือนภาพวาดที่เคลื่อนไหว” การออกแบบตัวละครได้แรงบันดาลใจมาจากหุ่นบุนราคุ (bunraku puppets) และได้รับแinspiration จากตัวละคร Zatoichi, “The Man with No Name” และผลงานของ Akira Kurosawa
การออกแบบฉากต่อสู้มีความละเอียดและสมจริง โดยอ้างอิงจากการเคลื่อนไหวจริงของนักแสดงสตันท์ การเล่าเรื่องมีความเข้มข้นและมีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ผสมผสานความรุนแรง ความรัก และการเมืองในช่วงสมัยนั้น
ซีรีส์ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักวิจารณ์ โดยมีคะแนนบน Rotten Tomatoes ที่ 97% และ Metacritic ที่ 88 คะแนน ถือเป็นหนึ่งในอนิเมชันที่ดีที่สุดของปี 2023 และได้รับการต่ออายุสำหรับซีซันที่ 2 ที่จะมี 6 ตอน กำหนดฉายในปี 2026
ผู้สร้างมีแผนจะทำ 3-4 ซีซัน และอาจจะมีสปินออฟเกี่ยวกับตัวละคร รินโกะ ด้วย ซีซันแรกใช้อัตราส่วนหน้าจอ 16:9 สำหรับ 7 ตอนแรก และเปลี่ยนเป็น 2.35:1 แบบภาพยนตร์สำหรับตอนสุดท้าย